ประเภทของ Forex Broker
บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินเทรดเดอร์พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องโบรคเกอร์ ที่จะมาพร้อมกับข้อข้องใจมากมายว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับโบรคเกอร์กันก่อนว่ามีกี่ประเภท แล้วเค้าทำงานกันยังไง เพื่อเลือกดูว่าแบบไหนที่โดนใจเรามากที่สุด
ประเภทของโบรคเกอร์ Broker A Book และ Bbook
ขั้นตอนแรกของการเลือกโบรคเกอร์คือ หาสิ่งที่คุณต้องการ และสำหรับโบรคเกอร์ ก็จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก คือ
1. Dealing Desks (DD) หรือที่เรียกว่า Market Makers
2. No Dealing Desks (NDD) สามารถแยกย่อยได้อีก คือ
- Straight Through Processing (STP) คือ การประมวลผลโดยตรง
- Electronic Communication Network + Straight Through Processing (ECN+STP) คือ ระบบอัตโนมัติเพื่อเก็บคำสั่งซื้อที่ตรงกัน + การประมวลผลโดยตรง
Dealing Desks (DD) หรือ Market Makers คืออะไร ? Broker A Book และ Bbook
Dealing Desks คือ โบรกเกอร์ที่ดำเนินการผ่านเคาน์เตอร์จัดการ (DD) โบรกเกอร์จจะสร้างรายได้ผ่านค่าสเปรด และการซื้อขายกับลูกค้าของพวกเขา และที่ได้ชื่อว่า Market Makers ก็เพราะว่าโบรคเกอร์ประเภทนี้จะสร้างราคาอัตราแลกเปลี่ยนเทียมขึ้นมาสำหรับลูกค้าของเขา ตอนนี้คุณแจจะกำลังคิดว่ามันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของคุณ แต่อันที่จริงแล้วไม่เลย เพราะ Market Makers จะทั้งซื้อและขายในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้แยแสกับการตัดสินใจซื้อขายของลูกค้าเลย
และเมื่อ Market Makers เป็นผู้ควบคุมราคาเอง ทำให้มีความเสี่ยงที่น้อยมากในการตั้ง Fixed Spread (ค่าสเปรดคงที่) และลูกค้าของโบรคจะไม่เห็นราคาที่แท้จริงจากตลาดระหว่างธนาคาร แต่ไม่ต้องกลัวเมื่อเห็นว่าโบรคเกอร์ที่เป็น DD มีราคาปิดไม่ตรงกันกับตลาดระหว่างธนาคาร (ตลาดกลาง) การซื้อขายโดยใช้เคาน์เตอร์จัดการ (DD) มีการดำเนินงานดังนี้
สมมติว่าคุณเปิดคำสั่งซื้อสำหรับ EUR / USD 100,000 หน่วย กับโบรกเกอร์ที่เป็น DD และเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ ขั้นแรกโบรคเกอร์จะพยายามหาคำสั่งขายของลูกค้าอื่นๆเพื่อมาจับคู่กับออเดอร์ซื้อของคุณ หรือไม่ก็จะส่งออเดอร์ของคุณไปให้ฝ่ายบริหารจัดการสภาพคล่องของบริษัท ซึ่งก็คือนิติบุคคลขนาดใหญ่ที่พร้อมจะซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินอยู่แล้ว ซึ่งการทำแบบนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงของพวกเขาได้ เพราะโบรคเกอร์จะได้เงินจากค่าสเปรดโดยไม่ต้องรับถือออเดอร์ที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับออเดอร์ของคุณ แต่อย่างไรก็ตามถ้าไม่สามารถจับคู่คำสั่งให้กับลูกค้าได้ พวกเขาก็จะต้องถืออเดอร์ฝั่งตรงข้ามให้กับลูกค้าเอง และคุณควรจะรู้ไว้ด้วยว่า บรรดาโบรคเกอร์ทั้งหลาย ต่างก็มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณควรที่จะตรวจสอบโบรกเกอร์ของคุณด้วยว่า นโยบายบริหารความเสี่ยงของพวกเขาเป็นเช่นไร
No Dealing Desk Broker คืออะไร? Broker A Book และ Bbook
ตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า No Dealing Desk (NDD) นั่นก็คือ โบรคเกอร์ที่ไม่ส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าผ่านเคาน์เตอร์จัดการ ซึ่งหมายความว่าโบรคเกอร์ไม่ได้หาผลประโยชน์จากด้านอื่นในการเทรดของลูกค้าเลย ที่โบรคเกอร์ทำก็เพียงแค่เชื่อมโยงทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกันเท่านั้น
NDDs เป็นเหมือนผู้สร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างสองที่ NDDs สามารถเรียกเก็บค่านายหน้าที่มีขนาดเล็กมากสำหรับการซื้อขาย หรือโดยแค่ค่าสเปรดเพียงเล็กน้อย NDD โบรคเกอร์ ยังสามารถเป็นได้ทั้ง STP หรือ STP+ECN
Broker A Book และ Bbook
โบรกเกอร์ STP คืออะไร ? Broker A Book และ Bbook
STP ตือ โบรคเกอร์ที่มีระบบการประมวลผลโดยตรง โบรกเกอร์บางแห่งอ้างว่าพวกเขาเป็นโบรกเกอร์ ECN แต่อันที่จริงแล้ว พวกเขาเพียงแต่มีระบบการประมวลผลโดยตรง โบรกเกอร์ที่มีระบบ STP จะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าตรงไปยังผู้ให้บริการสภาพคล่องของพวกเขาซึ่งเข้าถึงตลาดระหว่างธนาคารได้โดยตรง
โบรกเกอร์ NDD STP มักจะมีผู้ให้บริการสภาพคล่องจำนวนมาก เนื่องจากผู้บริการสภาพคล่องแต่ละที่ก็จะมีการเสนอราคาและขอราคา (Bid- Ask) ของตัวเอง สมมุติว่า โบรกเกอร์ NDD STP ของคุณมีผู้ให้บริการสภาพคล่อง 3 แห่ง ในระบบของโบรคเกอร์ พวกเขาก็จะเห็นการเสนอราคาและขอราคา ของสามแห่งที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเหมือนรูปด้านล่างนี้
ในระบบของพวกเขาก็จะเห็นการเสอราคาและขอราคาที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด จากตารางตัวอย่าง ราคาที่ดีที่สุดของการเสนอราคา (Bid) คือ 1.3000 (คุณต้องการขายสูง) และราคาที่ดีที่สุดของการขอราคา (Ask) คือ 1.3001 (คุณต้องการซื้อต่ำ) ดังนั้นราคา Bid/ Ask ตอนนี้คือ 1.3000/1.3001
แต่ว่าคุณจะไม่เห็นราคานี้ เพราะว่าโบรคเกอร์ไม่ได้ทำงานด้านการกุศล ดังนั้นโบรคเกอร์ก็จะคิดค่าบริการต่างๆเหล่านี้ โดยการเพิ่มขนาดราคามาร์คอัพขึ้นอีกนิดหน่อย ซึ่งปรกติการเพิ่มขนาดนี้จะคงที่ ถ้านโยบายของพวกเขาคือการเพิ่มมาร์อัพเข้าไปอีก 1 จุด ดังนั้นราคาที่คุณจะเห็นที่เพลทฟอร์ม(MT4) ของคุณก็จะเป็น 1.2999/1.3002 ดังนั้น คุณจะเห็น ค่า Spread เป็น 3 จุด ซึ่งเพิ่มมาจาก Spread จริงๆที่มีเพียง 1 จุด
และเมื่อคุณตัดสินใจที่จะซื้อ EUR / USD 100,000 หน่วย ที่ราคา 1.3002 ใบสั่งซื้อของคุณจะถูกส่งผ่านโบรกเกอร์ไปยังผู้ให้สภาพคล่องแห่งใดแห่งหนึ่งที่โบรคเกอร์มีอยู่ และถ้าคำสั่งซื้อของคุณได้รับการยอมรับจากผู้ให้สภาพคล่องแห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ผู้ให้สภาพคล่องแห่งนั้นก็จะขาย EUR / USD 100,000 หน่วยในราคา 1.3001 และคุณจะได้ซื้อ EUR / USD 100,000 หน่วยในราคา 1.3002 โบรกเกอร์ของคุณจะได้รับส่วนต่าง 1 จุดเป็นรายได้
และการที่มีการเปลี่ยนราคาเสนอซื้อขาย (Bid/ Ask) ก็คือเหตุผลว่าทำไม โบรคเกอร์ STP ส่วนใหญ่มีค่าเสรปดที่ผันแปลตลอดเวลา ถ้าสเปรดของผู้ให้บริการสภาพคล่องของพวกเขาเพิ่มขึ้น โบรคเกอร์ก็ต้องขยายสเปรดขึ้นตามไปด้วยอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็มีบางโบรคเกอรื STP ที่เสนอค่าสเปรดคงที่ให้ลูกค้า แต่ส่วนมากจะมีสเปรดที่ผันแปรมากกว่า
โบรกเกอร์ ECN คืออะไร ? Broker A Book และ Bbook
ECN ก็คือ ระบบอัตโนมัติเพื่อเก็บคำสั่งซื้อที่ตรงกัน ดังนั้นโบรกเกอร์ ECN ก็คือ โบรคเกอร์ที่จับคู่คำสั่งของลูกค้าในเครือข่าย ECN ของตนเอง ซึ่งลูกค้าในเครือข่ายนี้อาจจะเป็นธนาคาร เทรดเดอร์รายย่อย หรือกองทุนป้องกันความเสี่ยง หรือแม้แต่โบรคเกอร์อื่นๆ โดยสิ่งที่สำคัญก็คือ การที่ผู้เข้าร่วมในระบบแต่ละคน ต่างก็จะแข่งกันเสนอราคาซื้อขาย และ ECNs ยังช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาเห็น "ความเป็นไปของตลาดจริงๆ" ซึ่งจะแสดงคำสั่งซื้อและขายของนักลงทุนในตลาดอื่นๆด้วย เพราะธรรมชาติของ ECN จึงเป็นการยากที่จะเพิ่มค่าสเปรด ดังนั้น โบรคเกอร์ ECN มักจะได้ค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยจาก "ค่าคอมมิสชั่น" ที่เรียกเก็บจากเราเท่านั้นเอง
***เราจะเรียก Broker ที่ส่งราคาเข้าตลาดจริงว่า A Book และ Broker ที่ไม่ได้ส่งราคาจริงว่า B Book โบรกเกอร์ที่แท้จริง จะทำกำไรจากค่า Spread และ Commission***
"สรุปคือโบรกเกอร์ประเภท
Dealing Desks (DD) หรือ BBOOK ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว"
การสร้างรายได้จาก Forex ด้วย EA และ Copy Trade,รวยจาก forex, ระบบทำเงินอัตโนมัติ, หาเงินออนไลน์, Copy Trade, ea ขั้นเทพ, Signal Forex, master trade ขั้นเทพ,Margin Call คือ
ขอบคุณข้อมูลจาก
แปลและเรียบเรียงโดย PipsHunter THFX
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น